หากใครได้เดินทางผ่านไปแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เชื่อว่านอกจากโรงพยาบาลเด็กที่ทำขึ้นเพื่อดูแลเด็กๆโดยเฉพาะแล้ว อีกหนึ่งโรงพยาบาลที่เป็นหลักพึ่งพิงทางสุขภาพของคนย่านนั้นก็คือ โรงพยาบาลราชวิถีอย่างแน่นอน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลของรัฐที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทีเดียว ประวัติของโรงพยาบาลนี้มีที่มาอย่างไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟัง

ก่อนจะมาเป็นโรงพยาบาลราชวิถี

เรื่องนี้เชื่อว่าใครที่เกิดไม่ทันอาจจะนึกภาพไม่ออก เล่าให้ฟังก่อนว่าเดิมที โรงพยาบาลราชวิถีนั้น เป็นโรงพยาบาลหญิงมาก่อน รับรักษาผู้ป่วยเฉพาะสตรีและเด็กเท่านั้น โรงพยาบาลหญิงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2494 จากมติคณะรัฐมนตรีในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม เหตุการณ์สำคัญของโรงพยาบาลหญิงในช่วงก่อตั้งก็คือ ได้มีการผ่าตัดแฝดสยาม วันดี กับ ศรีวันให้ออกจากกันได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในไทย

จากโรงพยาบาลหญิง สู่โรงพยาบาลราชวิถี

หลังจากเปิดทำการมาได้สักระยะหนึ่งประมาณ 20 ปี ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขึ้น จากมติคณะรัฐมนตรีได้มีแนวคิดให้เปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลหญิงแห่งนี้ ให้กลายเป็นโรงพยาบาลที่เปิดรับรักษาโรคทั่วไปและทุกคนด้วย ไม่จำกัดเพศอย่างเดิม จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า โรงพยาบาลราชวิถี แล้วสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

การพัฒนาโรงพยาบาลราชวิถี

หลังจากเปิดรับรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไป ทำให้ทางโรงพยาบาลได้พัฒนาตัวเอง เพื่อทันต่อความเปลี่ยนแปลงด้านการรักษา มีการจัดตั้งศูนย์รักษาโรคต่างๆ มากมายเพื่อเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้การรักษาของโรคนั้นด้วย อย่างเช่น ได้มีการจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจขึ้นมา เพื่อทำการรักษา วิจัย และค้นหาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวกับหัวใจให้มากขึ้นด้วย เหตุการณ์ครั้งสำคัญของศูนย์โรคหัวใจก็คือ ในปี พ.ศ. 2531 ทางโรงพยาบาลได้มีการเคสพิเศษก็คือ การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและปอดไปพร้อมกัน (เรียกเคสนี้ตามภาษาแพทย์ว่า Domino Heart Transplantation) การผ่าตัดครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี ไม่เพียงแค่นั้นนี่ยังเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเอเชียด้วย ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้มีชื่อเสียงมากขึ้นทางด้านโรคหัวใจ จนพัฒนามาเป็นสถาบันโรคหัวใจจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปีพ.ศ. 2532 ก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์โรคนิ่วทางเดินปัสสาวะอีกศูนย์หนึ่งด้วย

โรงพยาบาลราชวิถีในปัจจุบัน

ตัดภาพกลับมายังปัจจุบัน โรงพยาบาลราชวิถี ถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาทั้งทางด้านการแพทย์ การบริการสาธารณสุข และการบริหารจัดการภายในองค์กร จะเห็นได้จากการสร้างอาคารหลังใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อรองความปริมาณผู้ป่วยในแต่ละวันที่คาดว่าจะมีมากถึงปีละ 1-1.5 ล้านคนต่อปี และจากทำเลที่ตั้งอยู่กลางเมืองทำให้ผู้ป่วยสามารถเดินทางมาที่โรงพยาบาลนี้ได้สะดวกมากขึ้น ทั้งทางรถเมล์ รถยนต์ หรือแม้แต่รถไฟฟ้า BTS ก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ใจกลางเมืองจริงๆ